บุคคลสำคัญของไทย
วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
นามเดิมของท่านคือ ช่วง บุนนาค เกิดเมื่อ พ.ศ. 2351 เป็นบุตรของสมเด็จเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์ และท่านผู้หญิงจัน ได้เข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ท่านได้ตามบิดาไปสร้างเมืองจันทบุรี และต่อเรือกำปั่นรบลำแรกขึ้น โดยเลียนแบบมาจากเรือของพวกฝรั่ง และนำขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงโปรดพระราชทานชื่อให้ว่า "เรือแกล้วกลางสมุทร" ชื่อภาษาอังกฤษว่า อาเรียล เมื่อสิ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ (รัชกาลที่ 5)ทรงขึ้นครองราชย์ ขณะนั้นยังทรงพระเยาว์ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ท่านถึงแก่พิราลัยเมื่ออายุได้ 75 ปี
จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี
จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี
นามเดิมของท่านคือ เจิม แสงชูโต เกิดเมื่อ พ.ศ. 2394 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมมหาดเล็กรักษาพระองค์ขึ้นเป็นครั้งแรก ท่านได้รับการบรรจุเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นคนแรก มีหน้าที่อารักขาพระเจ้าแผ่นดิน ขณะออกต้อนรับชาวต่างชาติ และออกขุนนาง ต่อมาท่านได้เลื่อนตำแหน่งจนกระทั่งได้รับตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผลงานของท่านที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดคือ ท่านเป็นผู้นำเอาไฟฟ้ามาใช้ในเมืองไทยเป็นคนแรก เมื่อ พ.ศ. 2427 ตั้งแต่ยังเป็นจมื่นไวยวรนารถ โดยท่านได้นำมาจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จึงได้มีไฟฟ้าใช้กันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เจ้าพระยาบดินทรเดชา
เจ้าพระยาบดินทรเดชา
นามเดิมของท่านคือ สิงห์ สิงหเสนี เกิดในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อ พ.ศ. 2320 เมื่อเริ่มเข้าราชการเป็นสมุหนายก ในสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชานับเป็นขุนพลแก้วคู่พระราชบัลลังก์ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยกย่องอยู่ตลอดเวลา ผลงานที่นับว่ายิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยของท่านคือ สามารถปราบกบฎเวียงจันทน์ จนได้ตัวเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์มาสำเร็จโทษ และตีญวณที่เข้ายึดครองกัมพูชา ให้กลับสู่พระบรมโพธิสมภารดังเดิม ทำให้แผ่นดินไทยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล และท่านยังเป็นบุคคลเพียงท่านเดียว ที่มีอนุสาวรีย์อยู่นอกอาณาเขตไทย คือตั้งอยู่ที่ประเทศกัมพุชา ท่านถึงแก่อสัญญกรรม เมื่อ พ.ศ. 2398 ผู้เป็นต้นตระกูล สิงหเสนี
หลวงวิจิตรวาทการ
หลวงวิจิตรวาทการ
นามเดิมของท่าน คือ กิมเหลียง วัฒนปดา เกิดเมื่อ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2441 ท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และนักปราชญ์ราชทูตที่มีความสามารถท่านหนึ่งของไทย ท่านมีความรู้เชี่ยวชาญในศิลปะวิชาการทุกด้านทุกสาขา เช่น การทูต การเมือง การปกครอง การศึกษา ปรัชญา จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ สังคม ตลอดจนศิลปะ วรรณคดี และการละคร ผลงานของท่าน เช่น ท่านได้ประพันธ์เพลงปลุกใจ ต้นตระกูลไทย เลือดสุพรรณ และท่านยังมีส่วนร่วมที่สำคัญ ในการสร้างโรงละครแห่งชาติจนสำเร็จ ท่านถึงแกอสัญญกรรมเมื่อ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2505
สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต
สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลศรี ประสูติเมื่อ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2424 ทรงสำเร็จการศึกษาในวิทยาลัยเสนาธิการ แห่งเยอรมันนี ทรงดำรงตำแหน่งที่สำคัญทางการทหารหลายตำแหน่ง ได้แก่ ผู้บัญชาการทหารเรือ เสนาธิการกระทรวงทหารเรือ เป็นต้น นอกจากนี้ยังทรงพระปรีชาสามารถ ในงานดนตรีเป็นอย่างมาก ทรงนิพนธ์เพลงไว้มากมาย เช่น วอทซ์ปลื้มจิต วอทซ์ชุมพล เพลงสุดเสนาะ เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาโศก ซึ่งใช้บรรเลงในงานศพ ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2487 ขณะทรงประทับอยู่ที่ประเทศชวา.
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
นามเดิมของท่านคือ ม.ร.ว. เปีย มาลากุล เกิดเมื่อ พ.ศ. 2414 เริ่มรับราชการเป็นเสมียนในกรมศึกษาธิการ ต่อมาได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นหลวงไพศาลศิลปศาสตร์ และได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมศึกษาธิการ ท่านเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษา ในด้านภาษาไทยมาเป็นอย่างดี มีความรู้แตกฉาน และได้แต่งหนังสือไว้หลายเล่มด้วยกัน ที่รู้จักกันดีคือ "สมบัติผู้ดี" ซึ่งยังประโยชน์แก่กุลบุตรกุลธิดา ได้ยึดถือเป็นตำราที่มีคุณค่ามาจนทุกวันนี้ ท่านถึงแก่อสัญญกรรม เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2459
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)